นักลงทุนดันโด ออกหัวได้เยอะ ออกก้อยเสียนิดหน่อย !

แนวทางการลงทุนดันโดถือว่าเป็นหนึ่งในวิธีที่ถูกกล่าวถึงมาก ซึ่งมีจุดเริ่มต้นมาจาก Mohnish Pabrai (โมห์นิช พาบราย) ผู้ก่อตั้งและบริหาร Pabrai Funds ซึ่งให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 25% ต่อปีนานถึง 20 ปี พาบราย เองก็เป็นแฟนคลับปู่ บัตเฟตต์ เช่นเดียวกัน แล้ววิถีดันโด นั้นมีอะไรบ้าง Mr.LikeStock จะเล่าให้ฟัง

ดันโด คืออะไร

ดันโด เป็นภาษาอินเดีย หากแปลตรงตัวมีความหมายว่า การซื้อธุรกิจเพื่อความมั่งคั่ง หลักการสำคัญของวิถีดันโดจะเน้นไปที่ความเสี่ยงเป็นสำคัญ “ ออกหัวได้เยอะ ออกก้อยเสียนิดหน่อย! ” ไม่เน้นซื้อขายบ่อย จะเฟ้นหาหุ้นที่มีโอกาสให้ผลตอบแทนที่สูง ผลขาดทุนต่ำ

9 หลักการวิถีดันโด

1. ลงทุนในธุรกิจซึ่งมีการดำเนินงานอยู่แล้ว ตัวอย่างที่เห็นชัด คือ ปาปา พาเทล เลือกประกอบธุรกิจโรงแรมเพราะเป็นธุรกิจที่มีมาตั้งแต่เดิมอยู่แล้ว หรือหากมองดีๆแล้ว เป็นธุรกิจที่ต้องการของคนทุกช่วงเวลา

2. ลงทุนในธุรกิจที่เรียบง่าย ขอยกตัวอย่างต่อเนื่องจากการประกอบธุรกิจโรงแรม ปาปา พาเทล ได้เห็นว่าตราบใดที่ผู้คนยังท่องเที่ยว ผู้คนก็ต้องการที่สำหรับพักผ่อนธุรกิจโรงแรมจึงยังไม่ตายแม้มีการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีมากมาย ธรรมชาติของงานบริการก็ยังเหมือนเดิม

3. ลงทุนในธุรกิจที่อยู่ในอุตสาหกรรมอยู่ในภาวะลำบาก การเริ่มธุรกิจโรงแรมของ ปาปา พาเทล เริ่มเมื่อต้นทศวรรษที่ 1970 เพราะมีการคว่ำบาตรการค้าน้ำมัน ภาวะถดถอยอย่างหนัก ราคาโรงแรมถูกขายออกมาในราคาต่ำ เปรียบได้ดังช่วงวิกฤตโควิด 19 ที่ผ่านมาหุ้นหลายๆ ตัวก็ถูกแรงเทขายตามมาด้วย

4. ลงทุนในธุรกิจที่มีความได้เปรียบการแข่งขันอย่างยั่งยืน หนึ่งปัจจัยที่ทำให้ปาปา พาเทล ประสบความสำเร็จในธุรกิจ คือ มีต้นทุนต่ำ จึงสามารถคิดอัตราค่าห้องพักต่ำกว่าคู่แข่งได้ และยังคงมีกำไรสูง ในปัจจุบันความได้เปรียบที่เพื่อนๆ เห็นได้ชัดคือแบรนด์รอยัลตี้

5. เดิมพันน้อยอย่าง เดิมพันหนักๆ ไม่เดิมพันบ่อย พาเทลซื้อโรงแรมโดยการกู้ธนาคาร และเอาโรงแรมเป็นหลักประกันค้ำไว้ ซึ่งเขาได้พิจารณาอย่างรอบด้านแล้ว โอกาสที่เขาจะขาดทุนนั้นมีเพียง 1% หากขาดทุนก็เสียเงินไม่เยอะ กลับกันหากเขาประสบความสำเร็จ เขาจะได้ผลตอบแทนมากกว่า 20 เท่า “ ออกหัวผมได้เงิน ออกก้อย ผมเสียนิดหน่อย !! ”

6. มองหาโอกาสทำอาร์บิทราจ การอาร์บิทราจโดยส่วนใหญ่หมายถึงการซื้อทรัพย์สินชนิดเดียวกัน ซื้อจากที่ที่มีราคาต่ำกว่าไปขายที่ที่มีราคาสูงกว่า ปัจจุบันไม่ค่อยมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดในตลาดหุ้น แต่เคยเกิดขึ้นในตลาดคริปโตเคอเรนซี่ เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา จากเหตุการณ์ราคาบิทคอยที่ปรับตัวลงแรง ปรากฏว่าราคาบิทคอยในบิทคับนั่นสูงกว่าตลาดซื้อขายอื่นๆ

7. ส่วนเผื่อเพื่อความปลอดภัย จากคำกล่าวของคุณชาย มโนภาส “ ให้ซื้อหุ้น เหมือนซื้อแบงค์พัน ในราคาแบงค์ห้าร้อย ” คือ การซื้อสินทรัพย์มาในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าที่ควรจะเป็น แม้เหตุการณ์ในอนาคตที่จะเกิดขึ้นนั้นจะเลวร้ายกว่าที่คิด โอกาสการขาดทุนก็อยู่ในระดับต่ำ

8. ลงทุนในธุรกิจที่มีความเสี่ยงต่ำ ความไม่แน่นอนสูง คือ การลงทุนที่มีโอกาสขาดทุนน้อย แต่มีหลายเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นแล้วสร้างผลกำไรมากน้อยแตกต่างกันไป เช่น หุ้น A มี 5 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วจะทำให้ราคาขึ้น และมี 2 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วเกิดผลขาดทุน นิดหน่อย

9. ลงทุนพวกลอกเลียนแบบ ไม่ใช่พวกสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ เปรียบได้กับสุภาษิต “เดินตามหลังผู้ใหญ่ หมาไม่กัด” การดำเนินกิจการตามโมเดลธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมาแล้ว มีโอกาสผิดพลาดน้อยกว่า ธุรกิจที่สร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ อาจเจออุปสรรคที่ไม่เคยเจอมาก่อนหากผู้นำไม่เก่งพอ จะทำให้ธุรกิจล้มเหลวได้

สี่เท้ายังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้งต่อให้เก่งขนาดไหน ย่อมผิดพลาดได้เสมอการบริหารความเสี่ยงจึงเป็นเรื่องสำคัญ “ ออกหัวได้เงิน ออกก้อยเสียนิดหน่อย! ”

▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬

? แอด Line มีของแจก ฟรี!!!

Line id : @MrStock

? Line : https://MrStock.me/line( คลิก ที่ลิ้งก์เพื่อแอดเพื่อนได้เลย)

? คอร์ส หุ้น vi มือใหม่ ง่ายกว่าอ่านเอง รับประกัน ???

✅https://MrStock.me/vi/