งบการเงินรวม ดูอย่างไรให้เข้าใจ (มีคลิปประกอบ)
Mr.LikeStock เชื่อว่าเพื่อนๆ นักลงทุนคงเคยเห็นหุ้นที่เราลงทุนนั้นบางครั้งก็ไปเป็นผู้ถือหุ้นบริษัทอื่นๆ มากน้อยแตกต่างกันออกไป การที่บริษัทสามารถไปซื้อหุ้นบริษัทอื่นหรือลงทุนในธุรกิจอื่นๆได้ ทำให้งบการเงินอาจต้องแสดง “งบการเงินรวม” และ “งบเฉพาะกิจการ” ทุกครั้ง เพื่อนๆหลายคนอาจไม่ทราบว่ามันแตกต่าง หรือมีรายละเอียดยังไงบ้าง ในบทความนี้ Mr.LikeStock จะเล่าให้ฟัง ฉบับลงทุนหุ้น
ในการไปลงทุนในกิจการอื่น ทางบัญชีจะมีชื่อเรียกที่แตกต่างกันไป 3 ระดับได้แก่
บริษัทย่อย = กิจการถือหุ้นในบริษัทที่ลงทุนตั้งแต่ 50% ขึ้นไป (เราเป็นเจ้าของ)
บริษัทร่วม = กิจการถือหุ้นในบริษัทที่ลงทุนระหว่าง 20% ถึง 50%
เงินลงทุน = กิจการถือหุ้นในบริษัทที่ลงทุนน้อยกว่า 20%
ดังนั้น การบันทึกในทางบัญชีย่อมมีความแตกต่างกัน ดังต่อไปนี้
เงินลงทุน หรือ สินทรัพย์ทางการเงิน
คือ เงินที่กิจการนำไปลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูง หรือ หุ้น ที่มีการซื้อขายอยู่ในตลาด เพื่อหวังผลกำไร ซึ่งสามารถบันทึกได้เป็น 2 แบบ
1. เงินลงทุนเพื่อค้า
- การบันทึกแบบนี้เงินลงทุนจะแสดงมูลค่าตามราคาหุ้น ณ ตลาด
- การเปลี่ยนแปลงราคาหุ้นจะถูกบันทึกลงในส่วนของ กำไรหรือขาดทุน แม้ยังไม่ขายเงินลงทุนนั้น
- กำไรทางบันชีที่เกิดขึ้น ถูกนำไปคิดเป็นกำไรสะสม กำไรต่อหุ้น ได้เช่นกัน
- ทำให้กำไรขาดทุนมีความผันผวนสูงตาม จึงไม่นิยมใช้ในการบันทึก
- นิยมใช้กับการลงทุนในตราสารหนี้
เพื่อค้า > ราคาหุ้นขึ้น > บันทึกกำไรลงงบกำไรขาดทุน > มีผลต่อ EPS
2. เงินลงทุนเผื่อขาย
- เงินลงทุนในหลักทรัพย์เผื่อขายแสดงมูลค่าตามราคา ณ ตลาด
- การเปลี่ยนแปลงของราคาหลักทรัพย์จะบันทึกใน กำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จอื่น (กำไรขาดทุนที่ยังไม่ได้เกิดขึ้นจริง) ดังนั้น จะไม่มีผลกระทบต่อกำไรสุทธิ กำไรต่อหุ้น และกำไรสะสม
- จะถูกบันทึกในส่วนของ กำไรหรือขาดทุน จริงๆ ต่อเมื่อได้ทำการขายหลักทรัพย์นั้นออกไปแล้ว
เงินลงทุนเผื่อขาย > ราคาหุ้นขึ้น > บันทึกลงกำไรลงใน กำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จ > ไม่มีผลต่อ EPS
บริษัทร่วม
“งบการเงินรวม” จะเป็นส่วนที่แสดงผลได้เสียที่เราได้รับจากการลงทุนนั้น โดยมีวิธีการบันทึก เรียกว่า “Equity Method” หลักการ คือ
- บันทึกเงินลงทุนในบริษัทร่วมเริ่มแรกด้วย ราคาทุน
- เงินลงทุนเพิ่มขึ้นลดลงด้วยการแบ่ง กำไร/ขาดทุน
- หากมีการจ่ายปันผล ทุนของกิจการก็ลดลงไปด้วย แต่ได้เงินสดกลับมา
- เห็นแต่ผ่านภาพรวมเท่านั้น One line consolidation
ยกตัวอย่างเช่น บริษัท A ถือหุ้นใน บริษัท B 40% ทุนของบริษัท B 100 ล้านบาท จะเป็นของ บริษัท A 40 ล้านบาท
หากดำเนินกิจการไปผ่านไป 1 ปี บริษัท B มีกำไร 10 ล้านบาท
ทุนส่วนบริษัท B จะเท่ากับ 66 ล้านบาท ทุนส่วนบริษัท A จะเท่ากับ 44 ล้านบาท
ต่อมาบริษัท B จ่ายปันผล 5 ล้านบาท
บริษัท A จะได้รับเงินปันผล 2 ล้านบาท ทุนส่วนบริษัท B จะเท่ากับ 61 ล้านบาท ทุนส่วนบริษัท A จะเท่ากับ 42 ล้านบาท
“งบเฉพาะกิจการ” จะถูกบันทึก โดยวิธี Cost Method
- บันทึกงินลงทุนในการซื้อหุ้นด้วยราคาทุน ไม่ปรับเปลี่ยนตามราคาหุ้นในตลาด
- รับรู้รายได้จากเงินปันผลเท่านั้น
- เงินปันผัลสามารถถูกนำมาคิด EPS ได้
- ในงบการเงินจะไม่ทราบถึงผลการดำเนินของบริษัทลูก
บริษัทย่อย
“ แม้ไม่ได้ถือหุ้นเกินกว่า 50% แต่มีอำนาจในการควบคุมกิจการก็จัดอยู่ในบริษัทย่อย ต้องทำงบการเงินรวม “
การทำงบการเงินรวม ในงบดุล ทรัพย์สินและหนี้สินของ 2 บริษัทจะถูกรวมเข้าได้กัน 100% งบกำไรขาดทุน ตั้งแต่บรรทัดรายได้จนถึงกำไรสุทธิก็จะถูกรวมเข้าด้วยกันทั้ง 100% แต่จะมีบรรทัดเพิ่มขึ้นมาเพื่อบอกกำไรสำหรับบริษัทแม่
งบดุล
ทรัพย์สิน = บริษัทแม่ + บริษัทย่อย
หนี้สิน = บริษัทแม่ + บริษัทย่อย
ส่วนของทุน = ทุนของบริษัทแม่ + NCI
ดังนั้น ในงบการเงินรวม ทรัพย์สิน จะไม่เท่ากับ หนี้สิน + ส่วนของทุน
NCI คือ ส่วนได้เสียที่ไม่ได้อยู่ในอำนาจควบคุมของบริษัทย่อย
หัวใจสำคัญของการอ่านงบเมื่อบริษัทที่เราลงทุนอยู่นั้นไปลงทุนในกิจการอื่น เพื่อแยกให้ออกว่ากำไรที่ได้มานั้น มาจากกิจการเก่งขึ้นจริง หรือได้มาเพราะไปลงทุนในบริษัทอื่น และจะช่วยให้เพื่อนๆ วิเคราะห์ธุรกิจได้แม่นยำยิ่งขึ้นอีกด้วย
ศึกษาเพิ่มเติมได้ที่
▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
แอด Line มีของแจก ฟรี!!!
Line id : @MrStock
Line : https://MrStock.me/line( คลิก ที่ลิ้งก์เพื่อแอดเพื่อนได้เลย)
คอร์ส หุ้น vi มือใหม่ ง่ายกว่าอ่านเอง รับประกัน